Composite Veneers
วีเนียร์คอมโพสิต (Composite Veneers) คือการทำฟันเพื่อปรับปรุงรูปร่าง ขนาด สี หรือแก้ไขความผิดปกติของฟัน โดยใช้วัสดุเรซินคอมโพสิต ซึ่งเป็นวัสดุชนิดเดียวกับที่ใช้ในการอุดฟัน นำมาปั้นขึ้นรูปและติดลงบนผิวหน้าฟันโดยตรง
ข้อดีของวีเนียร์คอมโพสิต:
-
ราคาเข้าถึงง่ายกว่า: โดยทั่วไปแล้ว มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวีเนียร์เซรามิก
-
ทำได้ในครั้งเดียว: ส่วนใหญ่สามารถทำได้เสร็จภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือ 1-2 ครั้งของการนัดหมาย ขึ้นอยู่กับจำนวนซี่ฟัน
-
กรอฟันน้อย: บางกรณีอาจไม่จำเป็นต้องกรอฟันเลย หรือกรอฟันเพียงเล็กน้อยเพื่อเตรียมผิวฟัน ทำให้รักษาเนื้อฟันธรรมชาติไว้ได้มาก
-
ซ่อมแซมง่าย: หากเกิดการแตกหักหรือเสียหาย สามารถซ่อมแซมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
-
ปรับแต่งได้ง่าย: ทันตแพทย์สามารถปั้นและตกแต่งรูปร่างและสีให้เหมาะสมกับฟันได้ง่าย
ข้อเสียของวีเนียร์คอมโพสิต:
-
ความทนทานน้อยกว่า: มีความแข็งแรงทนทานและอายุการใช้งานสั้นกว่าวีเนียร์เซรามิก โดยมีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี
-
ดูดซับสีได้ง่าย: มีโอกาสติดคราบสีจากอาหารและเครื่องดื่มได้ง่ายกว่า ทำให้สีอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
-
ความเงางามน้อยกว่า: อาจมีความแวววาวและดูเป็นธรรมชาติน้อยกว่าวีเนียร์เซรามิก
ขั้นตอนการทำวีเนียร์คอมโพสิต:
-
ปรึกษาและวางแผน: ทันตแพทย์จะประเมินสภาพฟัน พูดคุยถึงความต้องการ และเลือกสีฟันที่เหมาะสม
-
เตรียมผิวฟัน: อาจมีการขัดหรือกรอผิวฟันออกเล็กน้อย (หรือไม่กรอเลยในบางกรณี) เพื่อให้พื้นผิวหยาบขึ้นและช่วยให้วัสดุคอมโพสิตยึดติดได้ดี
-
ติดวัสดุ: ทันตแพทย์จะนำวัสดุเรซินคอมโพสิตมาปั้นและตกแต่งบนผิวฟันโดยตรง
-
ฉายแสง: ใช้แสงพิเศษฉายลงบนวัสดุคอมโพสิตเพื่อให้แข็งตัว
-
ตกแต่งและขัดเงา: ทันตแพทย์จะทำการกรอ แต่งรูปทรง และขัดวัสดุให้เรียบเนียนและสวยงาม
การดูแลรักษาวีเนียร์คอมโพสิต:
การดูแลรักษาวีเนียร์คอมโพสิตคล้ายกับการดูแลฟันธรรมชาติ เพื่อยืดอายุการใช้งาน:
-
แปรงฟันอย่างถูกวิธี: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน
-
หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบ: เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง และอาหารที่มีสีเข้มจัด
-
หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวของแข็ง: เช่น น้ำแข็ง กระดูก หรือการใช้ฟันกัดฉีกถุง
-
หากมีพฤติกรรมกัดฟัน: ควรใส่เฝือกสบฟันขณะนอนหลับเพื่อป้องกันความเสียหาย
-
พบทันตแพทย์เป็นประจำ: ควรเข้าพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและวีเนียร์
CERAMIC VENEER
วีเนียร์เซรามิก: สร้างรอยยิ้มสวย มั่นใจ ด้วยฟันขาวเป็นธรรมชาติ
วีเนียร์เซรามิก คือทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการ ปรับปรุงรอยยิ้ม ให้ สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ และ เพิ่มความมั่นใจ ด้วยนวัตกรรมการ ทำฟัน ที่ทันสมัย แผ่น เซรามิก บางเฉียบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษนี้จะถูกนำมา ปิดทับผิวฟัน เดิมของคุณ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น สีฟันไม่สม่ำเสมอ ฟันบิ่น ฟันแตก ฟันห่าง หรือแม้แต่ ปรับรูปร่างฟัน ให้ดูเรียงตัวสวยงาม
ทำไมต้องเลือกวีเนียร์เซรามิก?
-
ฟันขาวเป็นธรรมชาติ: วัสดุ เซรามิก มีความโปร่งแสงและเงางามคล้าย ฟันธรรมชาติ ช่วยให้รอยยิ้มของคุณดูสว่างสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
-
ความแข็งแรง ทนทาน: วีเนียร์เซรามิก ขึ้นชื่อเรื่อง ความทนทานสูง สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี หากดูแลรักษาอย่างถูกวิธี
-
ไม่ติดคราบ ไม่ดูดสี: หมดกังวลเรื่อง คราบชา กาแฟ หรือ คราบบุหรี่ เพราะ วีเนียร์เซรามิก ไม่ดูดซับสี ทำให้ สีฟัน ของคุณคงความขาวสวยอยู่เสมอ
-
แก้ไขปัญหาฟันได้หลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็น ฟันเหลือง ฟันด่าง ฟันบิ่น ฟันห่าง หรือ ฟันไม่ได้รูป วีเนียร์เซรามิก สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วีเนียร์เซรามิก เหมาะกับใคร?
วีเนียร์เซรามิก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ:
-
ฟอกสีฟัน แล้วยังไม่พอใจผลลัพธ์
-
แก้ไขสีฟัน ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยด่าง
-
ปรับรูปร่างฟัน ให้สวยงาม สมส่วน
-
ปิดช่องว่างระหว่างฟัน ให้ฟันดูชิดกัน
-
ซ่อมแซมฟันที่บิ่น แตก หัก เล็กน้อย
-
เพิ่มความมั่นใจ ให้กับรอยยิ้ม
ขั้นตอนการทำวีเนียร์เซรามิก
การทำ วีเนียร์เซรามิก โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนดังนี้:
-
ปรึกษาทันตแพทย์: เพื่อประเมินสภาพฟัน ออกแบบรอยยิ้มที่เหมาะสม และวางแผนการรักษา
-
เตรียมผิวฟัน: อาจมีการกรอผิวฟันด้านหน้าออกเพียงเล็กน้อย เพื่อให้สามารถติด วีเนียร์ ได้อย่างเรียบเนียน
-
พิมพ์ปาก: เพื่อสร้างแบบจำลองฟัน และส่งไปยังห้องแล็บเพื่อผลิตชิ้นงาน วีเนียร์เซรามิก ที่พอดีกับรูปฟันของคุณ
-
ยึดติดวีเนียร์: เมื่อชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์ ทันตแพทย์จะทำการยึดติด วีเนียร์ เข้ากับผิวฟันด้วยวัสดุและเทคนิคพิเศษ
การดูแลรักษาวีเนียร์เซรามิก
เพื่อให้ วีเนียร์เซรามิก ของคุณคงความสวยงามและใช้งานได้ยาวนาน ควรปฏิบัติดังนี้:
-
แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน เป็นประจำทุกวัน
-
หลีกเลี่ยงการกัดเคี้ยวของแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรือกระดูก
-
ลดการทานอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีสีเข้มจัด
-
พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก และ วีเนียร์ เป็นประจำทุก 6 เดือน
การฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟัน (Teeth Whitening) หรือที่นิยมเรียกว่า ฟอกฟันขาว คือกระบวนการทางทันตกรรมเพื่อ ปรับสีฟัน ที่คล้ำ เหลือง หรือมีคราบ ให้กลับมามีสีขาวสว่างขึ้น ทำให้รอยยิ้มดูสดใสและเพิ่มความมั่นใจ
หลักการทำงานของการฟอกสีฟัน:
การฟอกสีฟันใช้สารเคมีที่มีส่วนประกอบของ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) หรือ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) สารเหล่านี้จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่สะสมอยู่ในเนื้อฟัน ทำให้เม็ดสีแตกตัวออก และฟันดูขาวขึ้นโดยไม่ทำลายโครงสร้างของเคลือบฟัน
ใครที่เหมาะกับการฟอกสีฟัน:
-
ผู้ที่มี ฟันเหลือง ฟันหมองคล้ำ หรือมีสีฟันไม่สม่ำเสมอ
-
ผู้ที่ชอบดื่ม ชา กาแฟ ไวน์แดง หรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้มเป็นประจำ
-
ผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่
-
ผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้มและบุคลิกภาพ
-
ผู้ที่มีฟันเปลี่ยนสีจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ทันตแพทย์วินิจฉัยว่าสามารถแก้ไขได้ด้วยการฟอกสีฟัน
ประเภทของการฟอกสีฟัน:
การฟอกสีฟันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
-
การฟอกสีฟันที่คลินิก (In-Office Whitening):
-
ทำโดยทันตแพทย์: เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและเห็นผลเร็วที่สุด
-
ขั้นตอน: ทันตแพทย์จะทำการตรวจสภาพฟัน ขูดหินปูน (ถ้ามี) และทำความสะอาดฟัน จากนั้นจะมีการป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากด้วยวัสดุเฉพาะ แล้วจึงทาน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงลงบนผิวฟัน และมักจะใช้แสงไฟพิเศษ (เช่น LED Cool Light) มากระตุ้นให้น้ำยาทำงานได้ดียิ่งขึ้น
-
ข้อดี: เห็นผลรวดเร็วทันใจ (มักใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีต่อครั้ง) ฟันขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในครั้งเดียว อยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์
-
ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าวิธีอื่น อาจมีอาการเสียวฟันชั่วคราวหลังทำ
-
ตัวอย่างระบบที่นิยม: Zoom! Whitening, Cool Light Whitening.
-
-
การฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Whitening):
-
ทำด้วยตนเองภายใต้การดูแลของทันตแพทย์: ทันตแพทย์จะพิมพ์ปากเพื่อทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล (Custom-made Tray) และให้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำกว่าสำหรับนำกลับไปทำที่บ้าน
-
ขั้นตอน: ผู้ป่วยจะนำน้ำยาฟอกสีฟันใส่ลงในถาดแล้วสวมใส่ฟันเป็นระยะเวลาตามที่ทันตแพทย์แนะนำ (เช่น วันละ 1-2 ชั่วโมง หรือสวมขณะนอนหลับ) เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
-
ข้อดี: สะดวก ทำเองที่บ้านได้ ราคาประหยัดกว่า
-
ข้อเสีย: ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจน ต้องมีวินัยในการทำ มีโอกาสที่จะใช้น้ำยาไม่ถูกต้องหากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์
-
ตัวอย่าง: ชุดฟอกสีฟันที่บ้านพร้อมถาดฟัน
-
ขั้นตอนโดยรวมของการฟอกสีฟัน:
-
ตรวจสุขภาพช่องปากและปรึกษา: ทันตแพทย์จะตรวจฟันและเหงือก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาโรคเหงือก ฟันผุ หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ต้องแก้ไขก่อนการฟอกสีฟัน
-
ขูดหินปูนและขัดฟัน: ทำความสะอาดฟันให้เรียบร้อย เพื่อให้น้ำยาฟอกสีฟันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
วัดระดับสีฟัน: เพื่อบันทึกสีฟันก่อนและหลังการฟอกสีฟัน
-
เริ่มกระบวนการฟอกสีฟัน: ตามวิธีที่เลือก (ที่คลินิกหรือที่บ้าน)
-
ประเมินผลและดูแลหลังฟอกสีฟัน: ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลรักษาฟันหลังฟอกสีฟัน เพื่อให้สีฟันขาวอยู่ได้นานที่สุด
ผลลัพธ์และระยะเวลา:
ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
-
สีฟันเดิม: ฟันที่มีสีเหลืองมักจะตอบสนองต่อการฟอกสีฟันได้ดีกว่าฟันที่มีสีเทาหรือน้ำตาล
-
พฤติกรรมการบริโภค: การดื่มชา กาแฟ ไวน์แดง หรือการสูบบุหรี่เป็นประจำ จะทำให้ฟันกลับมามีสีคล้ำเร็วขึ้น
-
การดูแลสุขภาพช่องปาก: การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยรักษาสีฟันได้นานขึ้น
-
ชนิดของน้ำยาฟอกสีฟันและความเข้มข้น
ข้อควรระวังและอาการข้างเคียง:
-
อาการเสียวฟัน: เป็นอาการข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด มักจะหายไปเองภายใน 1-2 วันหลังการฟอกสีฟัน
-
ระคายเคืองเหงือก: หากน้ำยาฟอกสีฟันสัมผัสกับเหงือก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ แต่จะหายไปเอง
-
ควรฟอกสีฟันภายใต้การดูแลของทันตแพทย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
ฟอกสีฟันระบบ COOL LIGHT
การฟอกสีฟันระบบ Cool Light คือเทคโนโลยีฟอกสีฟันที่ใช้แสงเย็น (Cool Light) ร่วมกับเจลฟอกสีฟัน เพื่อช่วยเร่งกระบวนการให้ฟันขาวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำลายเคลือบฟันหรือทำให้ฟันไวต่อความเย็นมากนัก
เหมาะกับใคร?
-
ผู้ที่มีฟันหมองคล้ำจากชา กาแฟ ไวน์ หรือบุหรี่
-
ผู้ที่ต้องการเห็นผลรวดเร็วภายใน 1 ครั้ง
-
เหมาะกับผู้ที่มีผิวฟันปกติ และไม่มีปัญหาเหงือก
ขั้นตอนการฟอกสีฟันด้วยระบบ COOL LIGHT
-
ตรวจสภาพฟันและเหงือก
-
ปกป้องเหงือกด้วยเจลกันแสง
-
ทาเจลฟอกสีฟันลงบนผิวฟัน
-
ส่องแสง Cool Light ประมาณ 30-45 นาที
-
ล้างทำความสะอาดและเปรียบเทียบเฉดสีฟันหลังทำ
ข้อดีของการฟอกสีฟันระบบ COOL LIGHT
-
เห็นผลรวดเร็วภายในครั้งเดียว
-
ลดการระคายเคืองและความร้อน
-
ฟันขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
คำแนะนำหลังการฟอกสีฟัน
หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสี เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น
ฟอกสีฟันระบบ ZOOM
ระบบ Zoom Whitening คือการฟอกสีฟันที่ใช้แสง Zoom LED ร่วมกับเจลฟอกสีพิเศษ ที่ช่วยเร่งกระบวนการฟอกสีให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้ถึง 6–8 เฉดในเวลาเพียง 45 นาที
จุดเด่นของ ZOOM
-
ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
-
มีเทคโนโลยีปกป้องผิวฟันจากความร้อน
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด ต้องการฟันขาวในวันเดียว
ขั้นตอนการฟอกสีฟัน ZOOM
-
ตรวจสภาพช่องปาก
-
ปกป้องเหงือกและริมฝีปาก
-
ทาเจล Zoom Whitening
-
ส่องแสง Zoom LED เป็นรอบๆ รอบละ 15 นาที (โดยเฉลี่ย 3–4 รอบ)
-
ล้างออกและประเมินผล
คำแนะนำหลังทำ
-
หลีกเลี่ยงอาหารสีเข้ม 48 ชั่วโมง
-
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
-
ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลฟันที่ไม่มีสารกัดกร่อน