top of page
ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (12).png
ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (14).png
ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (13).png
ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (15).png

Composite Veneers

วีเนียร์คอมโพสิต (Composite Veneers) คือการทำฟันเพื่อปรับปรุงรูปร่าง ขนาด สี หรือแก้ไขความผิดปกติของฟัน โดยใช้วัสดุเรซินคอมโพสิต ซึ่งเป็นวัสดุชนิดเดียวกับที่ใช้ในการอุดฟัน นำมาปั้นขึ้นรูปและติดลงบนผิวหน้าฟันโดยตรง

 

ข้อดีของวีเนียร์คอมโพสิต:

  • ราคาเข้าถึงง่ายกว่า: โดยทั่วไปแล้ว มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวีเนียร์เซรามิก

  • ทำได้ในครั้งเดียว: ส่วนใหญ่สามารถทำได้เสร็จภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือ 1-2 ครั้งของการนัดหมาย ขึ้นอยู่กับจำนวนซี่ฟัน

  • กรอฟันน้อย: บางกรณีอาจไม่จำเป็นต้องกรอฟันเลย หรือกรอฟันเพียงเล็กน้อยเพื่อเตรียมผิวฟัน ทำให้รักษาเนื้อฟันธรรมชาติไว้ได้มาก

  • ซ่อมแซมง่าย: หากเกิดการแตกหักหรือเสียหาย สามารถซ่อมแซมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

  • ปรับแต่งได้ง่าย: ทันตแพทย์สามารถปั้นและตกแต่งรูปร่างและสีให้เหมาะสมกับฟันได้ง่าย

 

ข้อเสียของวีเนียร์คอมโพสิต:

  • ความทนทานน้อยกว่า: มีความแข็งแรงทนทานและอายุการใช้งานสั้นกว่าวีเนียร์เซรามิก โดยมีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี

  • ดูดซับสีได้ง่าย: มีโอกาสติดคราบสีจากอาหารและเครื่องดื่มได้ง่ายกว่า ทำให้สีอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

  • ความเงางามน้อยกว่า: อาจมีความแวววาวและดูเป็นธรรมชาติน้อยกว่าวีเนียร์เซรามิก

 

ขั้นตอนการทำวีเนียร์คอมโพสิต:

  1. ปรึกษาและวางแผน: ทันตแพทย์จะประเมินสภาพฟัน พูดคุยถึงความต้องการ และเลือกสีฟันที่เหมาะสม

  2. เตรียมผิวฟัน: อาจมีการขัดหรือกรอผิวฟันออกเล็กน้อย (หรือไม่กรอเลยในบางกรณี) เพื่อให้พื้นผิวหยาบขึ้นและช่วยให้วัสดุคอมโพสิตยึดติดได้ดี

  3. ติดวัสดุ: ทันตแพทย์จะนำวัสดุเรซินคอมโพสิตมาปั้นและตกแต่งบนผิวฟันโดยตรง

  4. ฉายแสง: ใช้แสงพิเศษฉายลงบนวัสดุคอมโพสิตเพื่อให้แข็งตัว

  5. ตกแต่งและขัดเงา: ทันตแพทย์จะทำการกรอ แต่งรูปทรง และขัดวัสดุให้เรียบเนียนและสวยงาม

 

การดูแลรักษาวีเนียร์คอมโพสิต:

 

การดูแลรักษาวีเนียร์คอมโพสิตคล้ายกับการดูแลฟันธรรมชาติ เพื่อยืดอายุการใช้งาน:

  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน

  • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบ: เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง และอาหารที่มีสีเข้มจัด

  • หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวของแข็ง: เช่น น้ำแข็ง กระดูก หรือการใช้ฟันกัดฉีกถุง

  • หากมีพฤติกรรมกัดฟัน: ควรใส่เฝือกสบฟันขณะนอนหลับเพื่อป้องกันความเสียหาย

  • พบทันตแพทย์เป็นประจำ: ควรเข้าพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและวีเนียร์

 

CERAMIC VENEER

วีเนียร์เซรามิก: สร้างรอยยิ้มสวย มั่นใจ ด้วยฟันขาวเป็นธรรมชาติ 

 

วีเนียร์เซรามิก คือทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการ ปรับปรุงรอยยิ้ม ให้ สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ และ เพิ่มความมั่นใจ ด้วยนวัตกรรมการ ทำฟัน ที่ทันสมัย แผ่น เซรามิก บางเฉียบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษนี้จะถูกนำมา ปิดทับผิวฟัน เดิมของคุณ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น สีฟันไม่สม่ำเสมอ ฟันบิ่น ฟันแตก ฟันห่าง หรือแม้แต่ ปรับรูปร่างฟัน ให้ดูเรียงตัวสวยงาม

 

ทำไมต้องเลือกวีเนียร์เซรามิก?

  • ฟันขาวเป็นธรรมชาติ: วัสดุ เซรามิก มีความโปร่งแสงและเงางามคล้าย ฟันธรรมชาติ ช่วยให้รอยยิ้มของคุณดูสว่างสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

  • ความแข็งแรง ทนทาน: วีเนียร์เซรามิก ขึ้นชื่อเรื่อง ความทนทานสูง สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี หากดูแลรักษาอย่างถูกวิธี

  • ไม่ติดคราบ ไม่ดูดสี: หมดกังวลเรื่อง คราบชา กาแฟ หรือ คราบบุหรี่ เพราะ วีเนียร์เซรามิก ไม่ดูดซับสี ทำให้ สีฟัน ของคุณคงความขาวสวยอยู่เสมอ

  • แก้ไขปัญหาฟันได้หลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็น ฟันเหลือง ฟันด่าง ฟันบิ่น ฟันห่าง หรือ ฟันไม่ได้รูป วีเนียร์เซรามิก สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วีเนียร์เซรามิก เหมาะกับใคร?

วีเนียร์เซรามิก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ:

  • ฟอกสีฟัน แล้วยังไม่พอใจผลลัพธ์

  • แก้ไขสีฟัน ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยด่าง

  • ปรับรูปร่างฟัน ให้สวยงาม สมส่วน

  • ปิดช่องว่างระหว่างฟัน ให้ฟันดูชิดกัน

  • ซ่อมแซมฟันที่บิ่น แตก หัก เล็กน้อย

  • เพิ่มความมั่นใจ ให้กับรอยยิ้ม

 

ขั้นตอนการทำวีเนียร์เซรามิก

 

การทำ วีเนียร์เซรามิก โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนดังนี้:

  1. ปรึกษาทันตแพทย์: เพื่อประเมินสภาพฟัน ออกแบบรอยยิ้มที่เหมาะสม และวางแผนการรักษา

  2. เตรียมผิวฟัน: อาจมีการกรอผิวฟันด้านหน้าออกเพียงเล็กน้อย เพื่อให้สามารถติด วีเนียร์ ได้อย่างเรียบเนียน

  3. พิมพ์ปาก: เพื่อสร้างแบบจำลองฟัน และส่งไปยังห้องแล็บเพื่อผลิตชิ้นงาน วีเนียร์เซรามิก ที่พอดีกับรูปฟันของคุณ

  4. ยึดติดวีเนียร์: เมื่อชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์ ทันตแพทย์จะทำการยึดติด วีเนียร์ เข้ากับผิวฟันด้วยวัสดุและเทคนิคพิเศษ

 

การดูแลรักษาวีเนียร์เซรามิก

เพื่อให้ วีเนียร์เซรามิก ของคุณคงความสวยงามและใช้งานได้ยาวนาน ควรปฏิบัติดังนี้:

  • แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน เป็นประจำทุกวัน

  • หลีกเลี่ยงการกัดเคี้ยวของแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรือกระดูก

  • ลดการทานอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีสีเข้มจัด

  • พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก และ วีเนียร์ เป็นประจำทุก 6 เดือน

 

การฟอกสีฟัน

 

การฟอกสีฟัน (Teeth Whitening) หรือที่นิยมเรียกว่า ฟอกฟันขาว คือกระบวนการทางทันตกรรมเพื่อ ปรับสีฟัน ที่คล้ำ เหลือง หรือมีคราบ ให้กลับมามีสีขาวสว่างขึ้น ทำให้รอยยิ้มดูสดใสและเพิ่มความมั่นใจ

 

หลักการทำงานของการฟอกสีฟัน:

 

การฟอกสีฟันใช้สารเคมีที่มีส่วนประกอบของ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) หรือ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) สารเหล่านี้จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่สะสมอยู่ในเนื้อฟัน ทำให้เม็ดสีแตกตัวออก และฟันดูขาวขึ้นโดยไม่ทำลายโครงสร้างของเคลือบฟัน

 

ใครที่เหมาะกับการฟอกสีฟัน:

  • ผู้ที่มี ฟันเหลือง ฟันหมองคล้ำ หรือมีสีฟันไม่สม่ำเสมอ

  • ผู้ที่ชอบดื่ม ชา กาแฟ ไวน์แดง หรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้มเป็นประจำ

  • ผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่

  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้มและบุคลิกภาพ

  • ผู้ที่มีฟันเปลี่ยนสีจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ทันตแพทย์วินิจฉัยว่าสามารถแก้ไขได้ด้วยการฟอกสีฟัน

 

ประเภทของการฟอกสีฟัน:

 

การฟอกสีฟันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

  1. การฟอกสีฟันที่คลินิก (In-Office Whitening):
     

    • ทำโดยทันตแพทย์: เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและเห็นผลเร็วที่สุด

    • ขั้นตอน: ทันตแพทย์จะทำการตรวจสภาพฟัน ขูดหินปูน (ถ้ามี) และทำความสะอาดฟัน จากนั้นจะมีการป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากด้วยวัสดุเฉพาะ แล้วจึงทาน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงลงบนผิวฟัน และมักจะใช้แสงไฟพิเศษ (เช่น LED Cool Light) มากระตุ้นให้น้ำยาทำงานได้ดียิ่งขึ้น

    • ข้อดี: เห็นผลรวดเร็วทันใจ (มักใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีต่อครั้ง) ฟันขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในครั้งเดียว อยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์

    • ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าวิธีอื่น อาจมีอาการเสียวฟันชั่วคราวหลังทำ

    • ตัวอย่างระบบที่นิยม: Zoom! Whitening, Cool Light Whitening.

  2. การฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Whitening):
     

    • ทำด้วยตนเองภายใต้การดูแลของทันตแพทย์: ทันตแพทย์จะพิมพ์ปากเพื่อทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล (Custom-made Tray) และให้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำกว่าสำหรับนำกลับไปทำที่บ้าน

    • ขั้นตอน: ผู้ป่วยจะนำน้ำยาฟอกสีฟันใส่ลงในถาดแล้วสวมใส่ฟันเป็นระยะเวลาตามที่ทันตแพทย์แนะนำ (เช่น วันละ 1-2 ชั่วโมง หรือสวมขณะนอนหลับ) เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์

    • ข้อดี: สะดวก ทำเองที่บ้านได้ ราคาประหยัดกว่า

    • ข้อเสีย: ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจน ต้องมีวินัยในการทำ มีโอกาสที่จะใช้น้ำยาไม่ถูกต้องหากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์

    • ตัวอย่าง: ชุดฟอกสีฟันที่บ้านพร้อมถาดฟัน

 

ขั้นตอนโดยรวมของการฟอกสีฟัน:

  1. ตรวจสุขภาพช่องปากและปรึกษา: ทันตแพทย์จะตรวจฟันและเหงือก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาโรคเหงือก ฟันผุ หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ต้องแก้ไขก่อนการฟอกสีฟัน

  2. ขูดหินปูนและขัดฟัน: ทำความสะอาดฟันให้เรียบร้อย เพื่อให้น้ำยาฟอกสีฟันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  3. วัดระดับสีฟัน: เพื่อบันทึกสีฟันก่อนและหลังการฟอกสีฟัน

  4. เริ่มกระบวนการฟอกสีฟัน: ตามวิธีที่เลือก (ที่คลินิกหรือที่บ้าน)

  5. ประเมินผลและดูแลหลังฟอกสีฟัน: ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลรักษาฟันหลังฟอกสีฟัน เพื่อให้สีฟันขาวอยู่ได้นานที่สุด

 

ผลลัพธ์และระยะเวลา:

 

ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

  • สีฟันเดิม: ฟันที่มีสีเหลืองมักจะตอบสนองต่อการฟอกสีฟันได้ดีกว่าฟันที่มีสีเทาหรือน้ำตาล

  • พฤติกรรมการบริโภค: การดื่มชา กาแฟ ไวน์แดง หรือการสูบบุหรี่เป็นประจำ จะทำให้ฟันกลับมามีสีคล้ำเร็วขึ้น

  • การดูแลสุขภาพช่องปาก: การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยรักษาสีฟันได้นานขึ้น

  • ชนิดของน้ำยาฟอกสีฟันและความเข้มข้น

 

ข้อควรระวังและอาการข้างเคียง:

  • อาการเสียวฟัน: เป็นอาการข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด มักจะหายไปเองภายใน 1-2 วันหลังการฟอกสีฟัน

  • ระคายเคืองเหงือก: หากน้ำยาฟอกสีฟันสัมผัสกับเหงือก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ แต่จะหายไปเอง

  • ควรฟอกสีฟันภายใต้การดูแลของทันตแพทย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

ฟอกสีฟันระบบ COOL LIGHT 

 

การฟอกสีฟันระบบ Cool Light คือเทคโนโลยีฟอกสีฟันที่ใช้แสงเย็น (Cool Light) ร่วมกับเจลฟอกสีฟัน เพื่อช่วยเร่งกระบวนการให้ฟันขาวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำลายเคลือบฟันหรือทำให้ฟันไวต่อความเย็นมากนัก

 

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีฟันหมองคล้ำจากชา กาแฟ ไวน์ หรือบุหรี่

  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลรวดเร็วภายใน 1 ครั้ง

  • เหมาะกับผู้ที่มีผิวฟันปกติ และไม่มีปัญหาเหงือก

 

ขั้นตอนการฟอกสีฟันด้วยระบบ COOL LIGHT

  1. ตรวจสภาพฟันและเหงือก

  2. ปกป้องเหงือกด้วยเจลกันแสง

  3. ทาเจลฟอกสีฟันลงบนผิวฟัน

  4. ส่องแสง Cool Light ประมาณ 30-45 นาที

  5. ล้างทำความสะอาดและเปรียบเทียบเฉดสีฟันหลังทำ
     

ข้อดีของการฟอกสีฟันระบบ COOL LIGHT

  • เห็นผลรวดเร็วภายในครั้งเดียว

  • ลดการระคายเคืองและความร้อน

  • ฟันขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
     

คำแนะนำหลังการฟอกสีฟัน

หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสี เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

ฟอกสีฟันระบบ ZOOM 

ระบบ Zoom Whitening คือการฟอกสีฟันที่ใช้แสง Zoom LED ร่วมกับเจลฟอกสีพิเศษ ที่ช่วยเร่งกระบวนการฟอกสีให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้ถึง 6–8 เฉดในเวลาเพียง 45 นาที

 

จุดเด่นของ ZOOM

  • ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

  • มีเทคโนโลยีปกป้องผิวฟันจากความร้อน

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด ต้องการฟันขาวในวันเดียว
     

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน ZOOM

  1. ตรวจสภาพช่องปาก

  2. ปกป้องเหงือกและริมฝีปาก

  3. ทาเจล Zoom Whitening

  4. ส่องแสง Zoom LED เป็นรอบๆ รอบละ 15 นาที (โดยเฉลี่ย 3–4 รอบ)

  5. ล้างออกและประเมินผล
     

คำแนะนำหลังทำ

  • หลีกเลี่ยงอาหารสีเข้ม 48 ชั่วโมง

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลฟันที่ไม่มีสารกัดกร่อน

2.png

LOCATION

199/13-15 One9Five, Rama9 Road Soi 5, Huakwang,, Bangkok, Thailand, Bangkok

FAQ

Visa_Logo.png
MasterCard_early_1990s_logo.png

Dental articles

Follow us

  • Facebook
  • YouTube

© 2023.

bottom of page